ประเภทของประกันรถยนต์ VS ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง

ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง
Categories:

ประกันรถยนต์เป็นหนึ่งในประเภทของประกันภัยที่มีความสำคัญอย่างมากในการปกป้องความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับยานพาหนะของคุณ การเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมสำหรับคุณไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีหลายประเภทของประกันรถยนต์และการควบคุมความเสี่ยงที่แตกต่างกันขึ้นอย่างมาก ดังนั้นในบทความนี้เราจะสำรวจและอธิบายถึงประกันรถยนต์ที่มีอยู่ในตลาด รวมถึงข้อดี ข้อเสีย และวิธีการเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับคุณอย่างเหมาะสมที่สุด

ประเภทของประกันรถยนต์ VS ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง

ประเภทของประกันรถยนต์ มีหลายประเภทของประกันรถยนต์ที่มีอยู่ในตลาด โดยประกันรถยนต์ทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็นประกันชั้นหลักๆ ดังนี้ ประกันชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ที่คุ้มครองความเสียหายต่อรถของคุณเองไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ การชนกัน หรือการจมน้ำ และยังคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้อื่นด้วย ประกันชั้น 2 มักจะครอบคลุมเงื่อนไขเช่นเดียวกับประกันรถยนต์ชั้น 1 แต่บางบริษัทอาจจะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากเหตุฉุกเฉินที่เป็นผลจากการกระทำของตนเอง ประกันชั้น 3 เป็นประกันรถยนต์ที่มักจะคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของคุณเองเท่านั้น และมักจะมีราคาที่ถูกกว่าประกันชั้น 1 และชั้น 2

ข้อดีของประกันรถยนต์ การมีประกันรถยนต์สามารถมอบความสบายใจและความมั่นใจในการขับขี่ได้มากมาย ดังนี้คือข้อดีหลักๆ ของการเป็นเจ้าของประกันรถยนต์ คุ้มครองความเสียหาย ประกันรถยนต์ช่วยปกป้องคุณจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ ปกป้องทรัพย์สิน ประกันรถยนต์ช่วยปกป้องทรัพย์สินของคุณ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในกรณีที่รถยนต์เสียหายหรือถูกขโมย ความมั่นใจในการขับขี่ การมีประกันรถยนต์ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณในการขับขี่ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ความสบายใจในการเงิน การมีประกันรถยนต์ช่วยปกป้องคุณจากค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ บริการช่วยเหลือทางด้านของบริษัทประกัน บางบริษัทประกันมีบริการช่วยเหลือทางด้านเมคานิกและบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยมในกรณีที่เกิดเหตุ ข้อเสียของประกันรถยนต์ แม้ประกันรถยนต์มีข้อดีมากมาย แต่ก็ยังมีข้อเสียบางอย่างที่คุณควรพิจารณาก่อนที่จะเลือกทำประกันรถยนต์ ดังนี้ ค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยประกันรถยนต์อาจจะมีราคาสูงและอาจเพิ่มขึ้นตามเวลาเมื่อคุณมีประวัติการขับขี่ที่ไม่ดีหรือมีประวัติการปรับโทษ ค่าเสียหายลดลง บางกรณีอาจมีค่าเสียหายที่ไม่ถึงกับต้องทำประกัน เช่น ความเสียหายเล็กน้อยหรือความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่ได้รับความคุ้มครองจากนโยบาย การบริการหลังการขาย บางบริษัทประกันอาจมีการบริการหลังการขายที่ไม่น่าพอใจ ทำให้ลูกค้าต้องเผชิญกับปัญหาในการดำเนินการเคลม